วันจันทร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2556

ทำไมต้อง Google Earth



งานชลประทานบริการประชาชน เป็นงานที่ละเอียดอ่อน แต่ข้อมูลที่มีอยู่ในมือค่อนข้างหยาบ...ไม่ใช่หยาบโลนหรือหยาบคายนะครับ คือข้อมูลละเอียดไม่พอ ส่วนใหญ่จะเป็นข้อมูลในภาพรวม (คือเอาโน้นนิด เอานี่หน่อย มารวมกันจนเกิดเป็นภาพเบลอๆหรือภาพเชิงซ้อน...5555) และข้อมูลที่มีก็เป็นข้อมูลที่มีค่ามากคือเป็นวัตถุโบราณและเป็นมรดกตกทอดกันมาหลายรุ่น ข้อมูลที่จำเป็นต้องใช้ควรต้องมีถึงระดับแปลงนากันเลยทีเดียว แต่ที่มีแค่ระดับคลองส่งยังเป็นภาพรวม ยังดีนะในพื้นที่จัดรูปที่ดินยังพอมีให้ใช้ข้อมูลเชิงลึกในระดับแปลงนา แต่พอเกษตรกรมีปัญหาขอความช่วยเหลือนาข้าวทั้งในกรณีน้ำน้อยและน้ำมาก ต้องเอามือก่ายหน้าผากครับน้องพี่ (ถ้าเท้ายกก่ายถึงคงเอามาก่ายด้วย) เพราะข้อมูลในเขตจัดรูปที่ดินที่ว่าเจ๋งของผมที่มี พอจะใช้งานจริง มีแต่ข้อมูลของเจ้าของนา เกษตรกรส่วนใหญ่เช่านาคนอื่น หรือเช่านาตัวเองทำ ไม่มีข้อมูลซะงั้น กลายเป็นว่า ข้อมูลที่มีใช้ไม่ได้ ข้อมูลที่จะใช้ไม่มี ทำไงหล่ะครับทีนี้ เห็นทีผมต้องทำการหาข้อมูลอย่างละเอียดระดับแปลงนาทั้งโครงการฯ ซะแล้ว คิดมานานครับว่าจะทำแต่ก็ไม่ได้ทำซะที จนกระทั้งเจ้านายใหญ่ ผู้อำนวยการสำนักชลประทาน มีคำสั่งให้ทุกโครงการฯจัดทำแผนที่แปลงนา แสดงผลบน Google Earth แต่ก่อนหน้านั้น ผมประสบปัญหาในการทำงานอย่างมากครับ ผมขอเล่าให้ฟังนิดหนึ่งนะครับ เป็นเรื่องที่จุดประกายความคิดของผมก็ว่าได้ คือประมาณปี 2549 ตอนนั้นผมยังเป็นหัวหน้าฝ่ายส่งน้ำฯอยู่ครับ มีคุณป้าเกษตรกร ท่านหนึ่งได้โทรศัพท์มาหาผม ว่านาของแกน้้ำไม่ถึงข้าวกำลังจะตาย...(ผมไม่รู้ว่าแกปลูกข้าวพันธุ์อะไร พอไม่มีน้ำแค่สองวันข้าวจะตายแล้ว ถ้ารู้ผมจะบอกเกษตรกรรายอื่นว่าอย่างปลูกข้าวพันธุ์นี้ เพราะสำออยมาก....อิอิ ล้อเล่นนะ) ผมก็อยากให้ลูกน้องออกไปดูว่าจะหาทางช่วยเหลือป้าแกอย่างไรได้บ้าง อยากรู้พื้นที่แน่นอนก็ถามแกว่า
 "คุณป้าใช้น้ำจากคลองอะไรครับ" แกบอกว่าไม่รู้ ผมก็คิดว่าเป็นธรรมดา เพราะผมไม่ได้ติดป้ายบอกชื่อคลองทุกสิบเมตรแกจะรู้ได้ไง แต่คูน้ำที่แกใช้น้ำน่าจะรู้เพราะมีกลุ่มผู้ใช้น้ำเกือบทุกกลุ่ม ผมก็ถามต่อว่า "แล้วคุณป้าใช้น้ำจากคูอะไรครับ ผมขอรายละเอียดด้วย ผมจะได้หาทางช่วยเหลือป้าได้ทัน...(.ก่อนที่ข้าวของป้าจะน้อยใจและชิงเอารวงฟาดกันฆ่าตัวตายเสียก่อน...อันนี้ผมได้แต่คิดครับ...อิอิ)....ครับ" คำตอบได้ ทำให้ผมรู้ทันทีว่าผมจะอยู่เฉยๆ ใช้ข้อมูลอันล้ำค่าที่เป็นมรดกตกทอดกันมาต่อไปไม่ได้อีกแล้ว แกตอบผมว่า  "(กรุณาอ่านออกสำเนียงสุพรรณเพื่อจะได้ถึงอารมณ์ของเรื่อง) ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันเป็นเหมืองอะไร แต่ช่วงต้นเหมืองมีต้นตะขบอยู่สองต้น ที่นาของฉันอยู่ติดกับนาไอ้เชียร ลูกยายชม...รีบมาดูให้หน่อยนะข้าวจะตายแล้ว.....ตึ๊ดๆๆๆๆ )อันหลังเป็นเสียงโทรศัพท์เข้าใจว่าแกคงให้หลานหยอดเหรียญโทรมาแล้วหมดเวลาพอดี   เอาหล่ะสิ ที่นี้ผมจะช่วยชีวิตข้าวที่บอบบางได้ยังไง และเหมืองมันคืออะไร (ตอนหลังถึงรู้ว่าเหมืองก็คือคูน้ำนี่แหละครับ).....จากวันนั้นถึงวันนี้ผมยังไม่รู้เลยครับว่านาแกอยู่ตรงไหน ผมแก้ไขโดยขอน้ำเพิ่มและเปิดเข้าทุกคลอง และได้แต่ภาวนาว่าน้ำคงถึงนาแก...ถ้าคุณป้าอ่านเจอช่วยเม้นตอบด้วยนะครับว่าตกลงวันนั้นข้าวตายหรือเปล่าครับ.....ผมจึงต้ังใจว่าผมต้องทำแผนที่ใหม่ ต้องมีข้อมูลจนถึงระดับรากหญ้าให้ได้.....แต่จะทำยังไงหล่ะ..คิดคิดคิด...สุดท้ายก็ไม่ได้ทำ....จนเวลาผ่านไปหลายปี โดยผมทนใช้ข้อมูลในภาพรวมที่เป็นมรดก ถูๆไถๆ มาเรื่อย จนได้เวลาที่ตัดสินใจทำอย่างจริงจัง ขั้นแรกผมเขียนในกระดาษว่าผมต้องการข้อมูลอะไรบ้าง  จนสามารถสรุปได้ดังนี้ครับ
1.ชื่อ นามสกุล ของเจ้าของนาและ(ผู้เช่า)เพราะต้องการผู้ที่ทำนาจริงๆ เวลาเดือดร้อนคนที่ร้องเรียนคือคนทำนา เจ้าของนานอนดูหนังอยู่บ้านรอเก็บค่าเช่าอย่างเดียว ไม่ใช่อย่างเดียวสิ นอนคิดด้วยว่าถ้าคนเก่าไม่จ่ายค่าเช่าหรือเว้นการทำนาจะให้ใครเช่าแทนดี (อันนี้ผมล้อเล่นครับ ที่จริงเจ้าของนาเป็นห่วงคนเช่ามาก...กลัวไม่ได้ค่าเช่านา...อิอิ)
2.หมายเลขประจำตัวประชาชน
3.หมายเลขโฉนด
4.จำนวนพื้นที่การเกษตร
5.จุดที่ตั้งของแปลงนาว่าอยู่ตรงไหนของโลกใบนี้ (อยากรู้ว่าไอ้ต้นตะขบสองต้นนั้นมันอยู่ตรงไหน)
6.แปลงนานั้นใช้น้ำจากคลอง คู อะไร
7.พันธุ์ข้าวที่ปลูก
8.วันที่ปลูกและวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยว
9.หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล Facebook ID หรืออะไรก็ได้ที่ทำให้ผมสามารถติดต่อเกษตรกรได้
ผมมานั่งดูข้อมูลที่เขียนถ้าผมมีครบ คงทำงานง่ายแน่ๆ แล้วผมจะทำแผนที่แบบไหนดี จะใช้มือเขียนบนกระดาษไขก็ใช้ได้แต่จะแก้ข้อมูลก็ต้องเขียนกันใหม่ จึงตัดสินใจเขียนแผนที่ในรูป Digital ดีกว่าดู ไฮโซ ดี แต่จะใช้โปรแกรมอะไรดี ก็ผมไม่เป็นสักโปรแกรม แต่ที่เห็นเค้าทำกัน ก็มี AutoCad ,ArcView และอื่นๆ อีกมากมาย แต่โปรแกรมพวกนี้ต้องซื้อครับ ผมคงไม่มีปัญญาไปซื้อมาใช้ ถึงมีปัญญาก็ไม่กล้าไปซื้อมาใช้ เพราะยังไม่รู้ว่าจะทำได้หรือไม่ แต่ถ้าจะใช้โปรแกรมที่ Crack มาก็ไม่สามารถไปใช้นำเสนอที่ไหนได้ เพราะติดเรื่องลิขสิทธิ์ ก็ต้องหาโปรแกรมฟรีมาใช้งาน สุดท้ายก็จบที่ Google Earth ไม่ใช่ Google Earth Pro นะครับ เพราะมันต้องซื้อเหมือนกัน...555   แต่วิบากกรรมของผมกำลังจะตามมาลงโทษผม....ผมจะเล่าให้ฟังในตอนต่อไปครับ


- Posted using BlogPress from my iPad

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น